รีวิว Review Laniege covering cushion คุชชั่นพร้อมคอนซีลเลอร์ ตลับเดียวหน้ากิ๊ง




ออกมาซักพักละ สำหรับตัวนี้ ตอนแรกเห็นโฆษณาละแบบ อู้วว้าววว น่าสนจุยจังเยย!!!!  ตลับสีโรสโกล ดูแพงงงง
//กระเป๋าตังสั่นรัวๆๆ

NEW COMING!! NARS Orgasm Collection สีในดวงใจของฉัน...~~!!!

เรียกได้ว่าเป็นสีในดวงใจ ยอดฮิตของใครหลายๆคน จนต้องทำแล้วทำอีก ซื้อแล้วซื้ออีก เป็น best seller ตลอดกาล ก็ว่าได้ สำหรับ สี
ORGASM ชื่อสีติดเรท 20+ ของ nars นี้

มี item coming soon ในเร็ววัน ซึ่งที่อเมริกามีขายแล้ว นั่นก็คือ

Orgasm illuminating loose powder
เป็นแป้งสี orgasm ซึ่งไว้ทาไฮไลท์ตามโหนกแก้มเบาๆ จะใช้เป็นปัดแก้มชัดๆ ทาเป็นอายแชโดว์เบาๆ  หรือจะทาทับลิปกลอสเพื่อริมฝีปาก สุดสวย ระยิบระยับ เซกซี่ก็ได้
ซึ่งบอกเลย

อยากได้มาก!!!



Collection ใหม่ของ The Face Shop x KaKao Friends ไอเทมพีช สีชมพู น่าร๊ากกกก >< มุ้งมิ๊งงง



วันนี้ได้มีโอกาสเข้าเว้บไซต์ the face shop ของเกาหลี แล้วเจอคอลเลคชั่นที่เค้ากำลังโปรโมตอยู่


ฮู้ยยยย
แพคเกจจิ้งน่าร๊ากกกกก ><

อันนี้เป็นตลับคุชชั่นตัวใหม่ แต่ไส้ในแล้วแต่เราเลือกนะ สูตรเดิมที่พวกเรา love กันอยู่แล้ว
ที่เกาหลีเค้ามีอยู่ 6 สูตรด้วยกัน แต่ปุ๋ยไม่แน่ใจว่าที่นี่มีกี่สูตรกันแน่ แต่ที่แน่ๆ มีสอยมาอยู่ชนิดนึง (ฮิฮิ) เดี๋ยวไว้จะเอามารีวิวกันให้ดูนะจ๊ะ...

ราคาค่าเสียหาย: w 20,000 ก็ตกเป็นเงินไทยโดยประมาณ 600 บาท โดยถ้าซื้อในเว้บไซต์เกาหลีเนี่ย เค้าจะสุ่มเลือก คุชชั่นสามสูตร สูตรใดสูตรนึงส่งมาให้ พร้อมกับถุงใส่สีชมพูว น่าร๊ากกกก มาให้

รีวิว Review Too faced ลิปกลอส PEACH กลิ่นพีช แสนหอมหวาน พีชกันไปกลิ่น ทั้งรส

คือจะบอกว่า ปุ๋ยเป็นคนที่ชอบกินพีชมากกกกก


เป็นผลไม้ที่หอมหวานนนนน น่ารับทานแล้ว ยังไม่อ้วนอีกด้วย แคลอรี่ต่ำม๊ากมาก เหมาะแก่การช่วยลด น้ำหนักอย่างมาก ด้วยพลังงานแค่ 39 cal/ 100g แล้ว เบินด้วยการวิ่งภายใน 2 นาที เอิกๆ
เป็นผลไม้ที่นอกจากสีสวย เมื่ออยู่บนพวงแก้มแล้ว ถ้ากลิ่นที่ตัวก็ยังหอมหวานอีกด้วย
ช่างเป็นผลไม้ที่ น่ารับทาน เหมาะเป็นของโปรดเสียจริง


รีวิว ใหม่ล่ามาแรง Supergoop! Invicible setting powder!!!






สารภาพตามตรง

เห็นทีแรกแล้วคว้าเลยจ้าาาา
ชั้นหามานานแล้ววววววแบบนี้!!!!

แบรนด์ซุปเปอร์กู้ป มีแพคเกจจิ้งที่น่ารัก ไสยๆ ดูน่าใช้อยู่แล้ว
มีฝาปิดแปรง พร้อมพลาสติกกันขนแปรงยุ่งเหยิง (อันนี้ชอบ)


อันนี้เค้าเคลมว่า 100% mineral นะ และทนเหงื่อด้วย!!
คือปุ๋ยเป็นมนุษย์เหงื่อออกง่ายเว่อร์ ที่ๆมาแรกๆเลยคือ จมูก 55555555

มีคุณสมบัติมากมายหลายประการที่ทำให้กิเลสของเราพุ่งสูงปรี๊ดขึ้นมาในทันใด...
- 100% mineral
- sweat resistance
- SPF 45
- ชนะรางวัล oprah magazine-o ward
- คุมมัน ได้พักนึง
- แป้งหมด เติมได้
- หมดปัญหาแปรงซกมก เพราะคุณล้างได้ 55555555

เห็นมั้ยๆ มันแยกส่วนกันทำความสะอาดได้ และเติมได้!!!


แค่ประโยชน์เท่านี้ ก็หยิบตรงดิ่งไปที่เค้าเตอร์ได้แล้วจ้า
จริมๆนะ

แต่เอาจริงๆแล้ว หลักๆเลยที่ตัดสินใจสอย เพราะว่า เราจะเอาแต้ม sephora เพราะมัน x2 อยู่
อยากลองใช้ และถ้าสมมติ นะ สมมติ ว่าไม่ชอบตัวเนื้อแป้งจริงๆแล้ว เราสามารถเอาแป้งตัวอื่นใส่ลงไปได้ แปรงสกปรกก็ไม่มีปัญหานี่หน่า เพราะว่าล้างได้ สบายมาก แล้วเนื้อแปรงก็นุ่มด้วย ไม่บาดหน้า

เอาไปเลย

สรุปดาว ⭐⭐⭐⭐⭐(5.0/5.0)
ให้ห้าไปเลย เนื่องจาก เหมือนซื้อแปรงแถมกระปุกใส่แป้งในตัว ทั้งแพคเกจจิ้งและฟังก์ชั่นการใช้งาน ได้ใจไปเต็มๆ

หาซื้อได้ที่ sephora ทั่วประเทศ และในเวบไซต์ของ sephora เองนะแจ๊ะ
Supergoop! Invicible setting powder SPF45  / 4.5g ค่าเสียหาย 1150.- บาท (translucent)
แต่เค้ามีทั้งหมด สี่สีให้เลือกนะ Translucent / Light / Medium / Deep
สำหรับคนที่ไม่มั่นใจ ใช้สีไหนดีนะ translucent โลด เพราะเข้าได้ทุกสีผิวจ้าาา



บริเวณลงแป้ง จะเห็นได้ว่า เรียบไปกับผิวเลย มองไม่ค่อยออก เพราะว่าเป็นสี translucent 



รีวิว Urban Decay Backtalk Palette


พาเลทใหม่ล่า!! จากแบรนด์สุดฮิตกับ UD หรือ urban decay นั่นเอง


https://puiroza.blogspot.com

https://puiroza.blogspot.com



กล่องรูปแบบสวยงาม ทั้งหน้าและหลัง ประกอบไปด้วย อายแชโดว์ 8 สี (มีรวมทั้งสีแมทและชิมเมอร์) และ บลัชออน อีก 4 (มีทั้งแมท ชิมเมอร์ และไฮไลท์)
เรียกกันได้ว่าพกอันเดียว สวยทั้งหน้า ยกเว้นลิปสติก อิ่อิ่

ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่า พาเลทนี้ พึ่งออกไปเมื่อเดือนที่แล้ว (เมษายน 2018) และพอดีโชคดีมาก ที่พี่ชายไปอเมริกาพอดี เลยฝากหิ้วกลับมาด้วย (ฮี่ๆ) เพราะ ณ ขณะนี้ backtalk palette ตัวนี้นั้น ในเมืองไทย ยังไม่ได้นำเข้ามา (ตอนนี้ พฤษภาคม 2018)

เคยอ่านมาว่า พาเลทนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก UD Vice Lipstick สีที่ขายดีมาก ชื่อสี Backtalk เป็นสีชมพูอมม่วงๆ 

ถูกใจพาเลทนี้เพราะว่า ปุ๋ยเป็นคนที่ชอบ สีชมพู "มาก" แต่ว่า สีโทนของ backtalk นี้ ไม่ได้หวานแหวว จนเกินไป จะออกแนวสีชมพู เอิร์ธๆ ที่สามารถแต่งเป็นสโมคกี้ได้ทุกวัน 
ที่ชอบมากอีกอย่างของพาเลทนี้ก็คือ พกได้สะดวก (แม้จะกินที่ความยาวและหนาไปบ้าง) แต่ก็ถือว่าเยี่ยม เพราะ การออกแบบของพาเลทนี้ใช้การเปิดคล้ายๆ สมุด ซึ่งตรงกลางมีกระจกซึ่งติดแถบแม่เหล็กไว้ สามารถดึงออกได้ zoom in + zoom out สบายๆ






เฉพาะภายนอกโดยรวม เอาคะแนนไป 
⭐⭐⭐⭐⭐
5.0/5.0 เต็ม เน้นนะ เฉพาะรูปลักษณ์ และรูปแบบการใช้งาน

เรามาดูสีข้างในกันดีฝ่า...

ในอีกแง่ palette นี้ โทนมันไปซ้ำกับ Naked 3 ซึ่งเป็นโทนชมพูเหมือนกัน แว่บไป naked 3 แปป...

จะว่าเหมือน มันก็ได้ จะว่าไม่เหมือน มันก็ใช่....  คิดได้สองแง่ ดังนี้
option 1: เลือกอันใดอันนึง ถ้ามี naked 3 แล้ว ไม่ต้องซื้อเพิ่ม เพราะแต่งไปปุป แล้วจะมีเพื่อนเทอทักเหรอ ว่า เทอใช้ naked 3 สี liar ฤา? จะมีคนเฉพาะเจาะจงขนาดนั้น คงเป็นไปไม่ได้เท่าไหร่...
option 2: เลือกทำไม? ชอบเหรอ ซื้อเสะ รออัลไล๊!!!!! เหมือนไม่เหมือนแล้วยังไง ใจชั้นรู้ดีว่ามันไม่เหมือนก็พอ~~ //ยิ้มเบาๆ

เทียบกันแบบเอามาวางชิดกันนะ.... ได้แบบนี้...


ที่รู้สึกกับการใช้นิ้วปาดด... ครั้งแรกแบบ "เบาๆ" นั้น....
ทำให้เรารู้สึกว่า เม็ดสีมันไม่ค่อยแน่นเลยอ่ะ ผิดหวัง ฮือๆ

จากครั้งแรกที่ใช้นิ้วมือ ถูกับตลับและมาปาดใส่แขนนั้น จะเห็นว่า เม็ดสีพิกเม้นท์ไม่แน่นเหมือน naked พาเลทท์ก่อน ๆ เลย เม็ดสีย้ำหลายครั้งมากกว่าจะติดเห็นชัด


นี่คือครั้งที่สอง ด้วยแปรง จะสังเกตเห็นได้ว่า สีจากครั้งแรกไม่ได้แตกต่างกันมากเท่าไหร่นัก ยกเว้นอยู่สีนึงคือ attitude เป็นสีแดงๆ อิฐๆ ชิมเมอร์สีทอง (ซึ่งส่วนตัวชอบบบ)




อย่างไรก็ตามพาเลทท์นี้ ขอสรุปให้แค่

 ⭐⭐⭐(3.0/5.0)
เท่านั้น เนื่องจาก เม็ดสีอะไรไม่แน่นเลย ไม่ค่อยโดนเท่าไหร่ ยกเว้นคนที่ชอบ combination ของสีประมาณนี้ แต่เอาจริงๆแล้ว combination ประมาณนี้มีหลายยี่ห้อมาก ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องใช้ถึง 8 สี ด้วยกัน

แต่ปุ๋ยชอบสี backtalk ของพาเลทท์นี้ ซึ่งนำมาเข้ากับลิปสติกสีเดียวกันได้อย่างดี
และนี่คือรูปเปรียบเทียบ..... ซึ่งเอาจริงๆ มันค่อนข้างไร้สาระ เพราะสามารถหา dupe ได้อย่างง่ายดาย







ลุค backtalk palette & backtalk lipstick แต่แต่งแบบเบาม๊ากก ไม่อยากเข้ม เพราะเป็นคนหน้าดุจ๊าาาา



รีวิว Becca First light primer VS backlight primer มันแตกต่างกันยังไง??

Becca Firstlight Primer and Becca Backlight Primer

ทุกคนคงเคยได้ยินกิตติศัพท์ของสองตัวนี้มาบ้าง ไม่มากก็น้อย
แล้วมีใครเคยสงสัยเหมือนปุ๋ยมั้ยคะ
ไพร์มเมอร์เหมือนกัน แต่ว่า แล้วมันแตกต่างกันยังไงอ่ะ?

นี่คือสถานการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริง...
เคยถาม BA ใน sephora
pui: ไอสองตัวนี้ มันไม่เหมือนกันยังไงเหรอคะ...
ba: ตัวเฟิร์สไลท์นี่จะช่วยให้หน้าน้องดูสว่างง ไบรท์นะคะ ส่วนตัวแบคไลท์ จะช่วยให้หน้าดูโกล์ว ฉ่ำ สุขภาพดี
pui: อยากได้ทั้งสองอันรวมกัน ถ้าอย่างนั้น บีบทั้งสองอันรวมกันแล้วทาครั้งเดียวเลยได้มั้ยคะ?
ba: .....เอ่อ จะดีกว่าถ้าจะทาแยกเป็นตัวไปนะคะ
pui: .....ก็มันเลือกไม่ได้หนิหว่า = ="

แต่ก่อนอื่นต้องเกริ่นเลยว่า ถ้าไม่ได้ไปไหน (เพราะปุ๋ยทำงานที่บ้าน) ส่วนมากแล้วจะทาแค่ไพร์มเมอร์ มีกันแดดนิดหน่อย และแป้งเด็ก ไม่แต่งหน้า แต่ด้วยความเห็นสองตัวนี้แล้วมันคันๆ ก็เลยลองซื้อมาลองทั้งสองตัวที่เค้าจัดเซท ได้ลองทั้งสองตัว ในราคาประหยัดแถมได้ใต้ตามาอีกตัว เรียกได้ว่าคุ้มนะ เออ!!

Becca Jet Set Glow! Prep and Prime Kit
ก่อนอื่นเรามาพูดถึงเรื่องความสำคัญในการลงไพร์มเมอร์ก่อน หลายคนบอกว่าจำเป็น หลายคนบอกว่าไม่ แต่ปุ๋ยว่า จะไม่หรือจะใช่ มันขึ้นอยู่กับความสบายใจของแต่ละคน แต่โดยส่วนตัวแล้ว รู้สึกว่า ไพร์มเมอร์จะช่วยทำให้เครื่องสำอางติดทนนานกับผิวหน้ามากขึ้น หน้ามันช้าลง และช่วยปรับสีผิวให้เรียบเนียนก่อนที่จะลงรองพื้น ยิ่งถ้า finish ด้วย setting spray นะ กริ๊บทั้งวัน บอกเลอออ

มาดูข้อแตกต่างกัน ระหว่างสองตัวนี้ Firstlight vs Backlight







จะสังเกตว่าสีม่วงเนื้อผลิตภัณฑ์ บีบออกมาแล้ว เวลาเอียงมือปุป นางจะไหลนะ ก็คือ เนื้อจะเหลวๆ เหมาะสำหรับคนหน้ามันมากกว่า


รูป

สี/เนื้อผลิตภัณฑ์
firstlight : เนื้อจะออกเหลวนิดๆ เป็นโลชั่น สีม่วง แต่ทาออกมาแล้วไม่ม่วง เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าหน้าจะเป็นสีม่วง ทาแล้วความสว่างจะบังเกิดแก่หน้าท่าน ดุจมีแสงอาทิตย์ยามแรกส่องแสง
backlight: เนื้อจะเป็นสีครีมๆ เนื้อจะข้นกว่า firstlight นิดหน่อย พร้อมมีชิมเมอร์บางเบา ให้หน้าโกล์วๆ ฉ่ำๆ 

สำหรับผิว
firstlight : ทุกสภาพผิวใช้ได้หมด แต่เหมาะสำหรับผิวมันเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีส่วนผสมของน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก เนื้อจึงออกเหลวๆ สามารถช่วยให้หน้าไม่หมองระหว่างวันได้ดี สำหรับคนที่แต่งหน้าแล้วรู้สึกว่า ระหว่างวันหน้าหมองๆ ตัวนี้ แนะนำค่ะ
backlight: ทุกผิวใช้ได้หมดเช่นกัน เหมาะสำหรับผิวมัน ที่ไม่ต้องการลุคแมทท์ เหมาะมากสำหรับสาวผิวมันที่ชอบความโกล์ว ควบคุมมัน แต่ยังให้ความโกล์ว (ฟังดูดียยยย์)

สรุป ความเห็นส่วนตัวนะ.... มันจะแยกกันมาทำไมวะ? ก็ในเมื่อคนส่วนใหญ่เค้าก็ชอบ ให้หน้าไม่หมองไม่มัน ไม่คล้ำระหว่างวัน แต่โดยขณะเดียวกัน ผิวก็ดูโกล์วสุขภาพดีฉ่ำๆวาวๆ ตลอดวัน ใครไม่ชอบงานผิวบ้างวะ ถามจริง
เลือกไม่ได้ใช่ป่ะล่ะ??
เหมือนกันค่ะ
เพราะฉะนั้น สองทางเลือกของท่าน
demon: เลือกไมอ่ะ ซื้อสองอันเด้ กลัวไร เด่วก็ได้ใช้...
angel: จะซื้อทั้งสองอัน มันก็แหม่งๆอยู่นา ซื้ออันเดียวก่อนก็ได้ แล้วเดี๋ยวค่อยเปลี่ยนใหม่ ถ้าหมด

ส่วนความเห็นส่วนตัว.... ถ้าให้เลือกจริงๆ เอาสีม่วง firstlight ละกัน เพราะเวลาปุ๋ยทา มันให้ความรู้สึกว่า เย็นๆสบายๆหน้า ไม่หนักเลย เนื่องจากว่าเนื้อผลิตภัณฑ์เป็นออกเหลวๆนิดนึง ทาแล้วหน้าสว่าง แต่ไม่วอก ไม่ขาวเกินไป แล้วหน้าก็ไม่ม่วงด้วย
เสียอย่างเดียว ไม่มีกันแดด... ถ้ามีกันแดด ก็ทาเดี่ยวๆไปได้เลย เดินหน้าไบรท์ออกจากบ้าน ครุคริๆ


Welcome to My Astrophytum world =)

ความชอบของปุ๋ยอีกอย่างนอกเหนือจากเครื่องสำอาง คิตตี้ หมา ของจุ้กจิ้ก และ เอิ่ม... อีกมายมาก นั่นก็คือ

แคคตัส!!!!

แต่เป็นเฉพาะประเภทนะ ชอบกระบองเพชร ประเภท ไม่มีหนาม
เพราะเปลี่ยนกระถางที เจ็บมือไปหมด ไม่ไหวๆ เข็ดๆ

ขอเรียก กระบองเพชรว่าแคคตัสแทนละกันนะ เพราะว่า มันพูดรวมได้หมด
ประเภทที่ปุ๋ยชอบจะได้แก่ astrophytum ซึ่งมีรูปร่างเฉพาะแปลก มีตุ่มๆ นุ่มๆ เหมือนตูดกระต่าย เอิก ๆ
บางต้นก็จะมี ลายๆ วีๆ หรือบางต้นก็จะเรียบๆ เขียวๆปกติ

astrophytum asterias (แอสโตรไฟตัม แอสทีเรียส) คือ แคคตัสประเภทนี้ เช่นนี้.....



มีหลายแบบหลายประเภท แต่ที่สังเกตได้ง่ายๆเลยคือ จะเป็นคล้ายๆ ยานอวกาศ... เอิกๆๆๆ
แอสโตรนั้น จะแบ่งเป็นประเภทย่อยๆ ได้อีกหลากกกกหลายยยยประเภทอีกมากมาย ซึ่งตอนแรกๆ ปุ๋ยก็งงๆ ว่ามันจะอะไรนักหนาวะ ชื่อแต่ละอัน งงม๊ากกกกก แต่ไปๆมาๆ เดี๋ยวก็จำได้เองแหละ อยากจะบอก

แต่โพสต์นี้ แค่อยากจะแนะนำให้รู้จัก แคคตัสชนิดนี้กันก่อน เค้าน่ารักกกก ฟูๆๆ นุ่มๆๆ น้าาาา
ดูไปเรื่อยๆ ละพวกเทอออว์จะหลงรักนาง





รีวิว Tom Ford Matte Lipstick สี Black Dahlia แซ่บระเบิดระเบ้ออ!!

ต้องบอกก่อนว่า

ปุ๋ยเป็นคนหน้าดุ "มาก"....

เนื่องจากเป็นคนที่ หางตาเฉี่ยวขึ้น และ หน้านิ่งจัด ไม่ค่อยยิ้ม คนมักจะหาว่าหยิ่ง แต่จริงๆ เค้าป่าวววหยิ่งนะ ><"




สืบเนื่องมาจากว่า ได้ดู youtube review ไปเรื่อยๆ ตามประสา และได้เจอหลายๆ คน รีวิวลิปสติก ทอมฟอร์ด ซึ่งเค้าบอกว่า แบรนด์ทอมฟอร์ดเนี่ย เลื่องชื่อลือชามาก กับลิปสติก ประมาณว่าแบบ

ผู้หญิงที่ชอบลิปสติก ต้องมีทอมฟอร์ดซักหนึ่งแท่ง

และแล้ว เราก็ได้ฤกษ์... ด้วยอภินันทนาการจากพี่สาวสุดเลิฟ หึหึหึ และจัดสีเจ็บสุดมาซะด้วยนั่นคือ...

แต่นแต๊นนนน

Tom ford matte lipstick - black dahlia

บึ้มมม Black Dahlia
หลายคนถามว่า นั่นมัน ใกล้จะสีดำละนะ .... อะฮะ ช่ายเลย แต่ทาออกมาสวยนะยะ จะบอกให้
don't judge a book by its cover


ความรู้สึกแรกที่ทาคือ อู้วววว ทาแล้วหน้าชั้นดุเฟร่อร์ แต่ชอบว่ะะะ โคตรจิกเลย แล้วสีที่ทาออกมา แค่รอบเดียวเนี่ย ไม่ได้ดำปื้ดเหมือนในแท่งด้วยนะ มันออกแนว แดงม่วงเข้มม แล้วอีกอย่าง ลิปสติกเนื้อแมทท์ส่วนใหญ่เนี่ย เนื่องจากปุ๋ยเป็นคนติดปากมันอะนะ แต่มีทอมฟอร์ดนี่แหละ ที่ทาเนื้อแมทท์แล้ว ไม่ได้รู้สึกว่าเหมือนทาแมทท์อยู่ เพราะมันไม่ได้แห้ง มันแค่ดูแห้ง แต่มันไม่ได้แห้ง... งงป่ะ?
เออ พิมพ์เอง งง เอง เด่วๆ มีสติละ แปปนึง...

เรียบเรียงแล้วได้ประโยคแบบมีสติว่า..
เป็นลิปสติกเนื้อแมทท์ ที่ทาแล้วปากไม่แห้งนั่นเอง !!! เอออออ กว่าจะนึกได้

อีกอย่างที่ชอบของลิปตัวนี้เนี่ย เป็นเพราะมัน "layer" ได้
นึกถึงลิปสติกบางตัวที่ทาเท่าไหร่ ก็ยังเป็นสีเดิมมะ แต่อันเนี้ยย ทารอบแรกสีม่วงเข้ม รอบสอง เข้มไปอีก รอบสาม ม่วงดำ ยิ่งทับยิ่งเข้มนั่นเอง คือ เม็ดสีเค้าแน่นเว่อร์จริงๆ จะเปรียบเทียบให้ดู




ซ้าย ปาดครั้งเดียว 
กลาง ปาดสองครั้ง
ขวา ปาดสามครั้ง

จะเห็นว่าสีจะเข้มมากเรื่อยๆ 
ถ้าอยากจะเผ็ชชชเว่อร์ก็ ปาดไปเลย สามรอบจ้า

ติดอยู่เรื่องเดียว....

"ราคาแพง"

แต่ถ้านึกถึงว่าเรื่องเกี่ยวกับเม็ดสีหรือความแมทท์ที่ไม่แห้งนั้น ถ้าคิดว่ารับราคาได้ ก็โอเค แต่ถ้าคิดว่าชอบสีจุงงง แต่แพงจัง เรามีทางเลือกให้คุณ... ประหยัดไปเป็นพันจ้าา สีใกล้เคียงกันมากกกกกกก
top dupe เลย ก็คือ
Mac lipstick สี Sin นั่นเอง เทียบให้ดู... มามะ

credit: temptalia


ถึงเวลาให้ดาวกันดีกว่า เอาจริงๆ ไม่อยากหักดาว เพราะว่า เนื่องจากชอบหมดทุกอย่าง ยกเว้นอย่างเดียว ไม่ปลื้มราคาเท่าไหร่ แล้วเอาจริง ๆ มันเป็นสีที่ ไม่ได้สามารถทาได้ทุกวัน เป็นสีที่ทายากพอสมควร
แต่อย่าดูแค่สีที่แท่งนะ ให้ดู swatch สีที่แขนปุ๋ย เพราะสีมันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด มันเป็นสีทำนอง ม่วงกล้วยไม้เข้มๆ หน่อย






โดยรวมให้ ⭐⭐⭐ (3.0/5.0)
** ถ้าไม่ติดเรื่องราคาและ สีที่ทายาก ขอให้ 5.0 ไปเลย พูดจริงๆ เพราะว่า ด้วยเรื่องเนื้อของผลิตภัณฑ์เอย เม็ดสีเอย คือดียยย์


รีวิว: FRESH sugar lip caramel hydrating balm ลิปบาล์มแก้ปากแห้ง แสนอร่อย

ต้องเกริ่นก่อนว่า ตัวเองเป็นคนเรื่องมากกับเรื่องลิปมัน หรือลิปบาล์มมากกกกก เพราะเป็นคนที่ ใช้อะไรก็แพ้ โดยเฉพาะกับปาก... (รำคาญตัวเองเหมือนกันนะ) อย่าง ซื้อมาตัวนึง ดีม๊าก มาก ใช้ไปสองอาทิตย์ ดันแพ้... ซะงั้น = ="

นี่ เรากำลังนอกเรื่องกันอยู่

Fresh sugar lip caramel hydrating lip balm - Caramel
รีวิว ตัวนี้กันดีกว่า FRESH Sugar lip caramel hydrating lip balm
ราคา 740 บาท ขนาด 6g


ก่อนอื่น ด้วยตัวปุ๋ยเอง ความรู้สึกต่อแบรนด์นี้อยากจะบอกว่า ถูกใจสินค้าของเค้าหลายตัวมาก ๆ และคิดอยากจะลอง เพราะ ความรู้สึกว่าเค้าให้ความเป็นธรรมชาติ แบบ ออร์แกนิ๊คคคค ออร์แกนิคอะ และตัวแรกที่เคยสุ่มลองใช้ จะเป็น lip balm แบบ tinted ซึ่ง "ดีมากก"  คือไม่แพ้ เนื้อดี ไม่ต้องทาบ่อย แถมไม่ต้องลงลิปสติกทับอีกด้วย เหมาะสำหรับคนขี้เกียจ เช่น ดิฉัน... โห้ะๆๆ (ไม่ใช่อะไร พอดีบางทีรีบๆ ไงเนาะ ปาดๆๆ จบ เข้าใจโนะ) เสียอยู่อย่างเดียว หมดไวไปนิด .... ซึ่งไม่รู้ว่าจะโทษว่าเป็นข้อเสียของสินค้าได้หรือเปล่านะ เพราะว่า โดยส่วนตัวแล้ว เป็นคนที่ติดลิปมันมากกกก ถึงมากที่สุด เพราะทาทั้งวัน กินน้ำเสร็จ ก็ทา เข้าห้องน้ำเสร็จล้างมือก็ทา ว่างๆ ก็หยิบมาทา... คือแบบ ไปไหนต้องมีลิปมัน ถ้าไม่มี คือยอมเข้าร้านซื้อใหม่ทันทีอ่ะ เอางี้ดีกว่า

มาพูดถึงตัวนี้กันดีกว่า ตัวใหม่ล่า มาแรงงส์ ด้วยความที่เราเห็นในเวบโนะ อุ้ย กลิ่นคาราเมล หอมหวาน
พอลองไปดม... อู้วววว หอมหวานจริงๆ ด้วย แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ เพราะว่า ด้วยความที่ชอบใจตัว tinted lip balm ของ fresh อยู่แล้ว แล้วพอได้ลองตัวนี้ปุป เนื้อดี ไม่ต้องทาซ้ำบ่อย ที่สำคัญ...

"อร่อย"...

คะแนนรวม: ★★★★✯ (4.7/5.0)
เพิ่มเติม: คะแนนพุ่งกระฉูดสูง ถือว่า เป็นโปรดักส์ที่คิดว่าหมดแล้วจะหาซื้อซ้ำอีก เนื่องจาก เนื้อติดดี ชุ่มชื่นทั้งคืน ไม่แพ้ กลิ่นหอมสมชื่อ แต่ขอหัก 0.3 เรื่องแพคเกจจิ้ง เพราะว่าเนื้อผลิตภัณฑ์ปนเปื้อนง่าย ถ้าจะให้ดี จะชอบเป็นแบบบีบทามากกว่า จะทำให้เนื้อโปรดักส์ที่ยังไม่ได้ใช้ยังไม่ได้ถูกสัมผัสจากมือ





Welcome Back and Everyday MUST HAVE items!!!

ไม่ได้โพสต์มากี่ปีเนี่ย.... เออ ช่างมันเถอะ ชั้นตกเลขตั้งแต่มัธยมละ.. เชิดใส่....
แต่เอาเป็นว่า หนูจะกลับมาโพสต์ใหม่แล้วนะค้าาาาาาาาาาาา และจะรีวิวเรื่อย ๆ ไป อัพเดทความบ้าบอในชีวิตประจำวัน ที่....ไม่ค่อยจะทำอะไรเท่าไหร่ อิอิ
--------

ไอเทมบิวตี้ที่ต้องพกติดกระเป๋าทุกครั้ง อารมณ์ประมาณว่า ชั้นไปไหน ต้องมีเทอ.. ถ้าไม่มี ชั้นอาจจะแย่!!!


คิดถึงในวันที่แบบว่า ไม่สามารถเอากระเป๋าใบใหญ่กว่าสองอุ้งมือได้อะนะ เลือกได้ก็ต้องเลือกที่สำคัญที่สุดว่าจะต้องมีอะไรบ้าง คาดว่าทุกคนน่าจะมีอย่างน้อยคนละซักชิ้น (ไม่นับรวมมือถือและเงินนะ!!! ><) แต่สำหรับคนบ้าหอบฟางอย่างปุ๋ยแล้วล่ะก็...​หึหึหึ กี่ชิ้นดีล่ะ มาดูกัน

1. Lip balm - ต้องเป็นตัวที่ไม่แพ้ด้วยนะ วาสลีน หรือ อะไรก็แล้วแต่ แต่ตอนนี้เรามีบิวตี้ไอเทม เฟฟตัวใหม่ ไว้มารีวิวกัน...

2. Lip stick - ขึ้นอยู่กับการแต่งตัว ว่าวันนั้นแต่งเป็นในแนวไหน ทาสีไหนเหมาะที่สุด 

3. ยาแก้คันญี่ปุ่น - อันนี้มันต้องมี เพราะเป็นมนุษย์ดึงดูดยุงมากก ไม่รู้ทำไม ยาทาแก้คันส่วนใหญ่แล้ว (นอกจากยาหม่องหรือยาดม) มันทาแล้วไม่เย็น ไม่หายคัน เลยพยายามเสาะหายาแก้คันหลายยี่ห้อมาตั้งแต่เด็กกกกกกยันโตตตต จะแก่ มาเจอยี่ห้อนี้!!!!!


ซึ่งเราอ่านไม่ออกว่ามันยี่ห้ออะไร.... แต่เอาเป็นว่า ถ้ามีคนรู้จักไปญี่ปุ่นเมื่อไหร่ ปุ๋ยก็จะฝากซื้อตลอดเว และเป็นไอเทมที่พกติดกระเป๋าตลอดเวลา!! 

4. กระดาษซับมัน - ขอเปลี่ยนเป็นเรียกว่าฟิล์มซับมันน่าจะเวิร์คกว่านะ เพราะกระดาษมัน กรอบๆแกรบๆ มันรู้สึกบาดหน้ายังไงไม่รู้วววว หลายคนชอบใช้ฟิล์มชนิดนี้ ผิดวิธี!!!
..... ผิดยังไงล่ะ อะ ชื่อบอกอยู่แล้วว่า "ซับ"มัน ไม่ใช่ "เช็ด" มันย่ะ!!
วิธีใช้กระดาษซับมันที่ถูกต้อง และใช่แน่นวล คือ แปะลงไปบนหน้า และกดเบาๆ ทำอย่างนี้จนทั่วหน้า จึงจะถูกต้องนะครัชทุกท่าน
ในกรณีที่ไม่มีจริงๆ กระดาษซับมัน ซี้เลี้ยวววว ไอเทมกันตายคือ กระดาษทิชชู่ จ้าา

5. ตลับแป้ง - เอาจริงๆนะ เป็นคนไม่เติมแป้งหรอก น้อยมั่กๆ ถึงจะเติมครั้งนึง แต่ที่เอาไปด้วยเพราะว่า มันเป็นมัลติฟังชั่นนั่นเอง อธิบายอย่างนี้ นางมีกระจก.. นางมีแป้ง.. นางมีพัฟ..
กระจกสามารถส่องหนังหน้า ส่องอาหารติดฟัน (555+) แป้งสามารถกลบรอยดำใต้ตา มาสคาร่าไหล ป้องกันแพนด้าทักทาย หรือเติมระหว่างวันได้ และพัฟโดยที่ไม่ต้องใช้แป้ง นางสามารถใช้แทนกระดาษซับมันได้~~~ (ซึ้งง..)