อยู่ดี ๆ ก็ปิ๊งงงงงงงง ไอเดียขึ้นมาว่า อยากกินโอเปร่าอ่ะ...
เค้กชนิดนี้ ส่วนตัวแล้ว "ชอบที่สุด" This is my all time favourite cake!!
หลายคนชอบบบบบบบบ โอเปร่า ล่ะเส่ะ แต่หลายคนอาจจะแบบ เค้กไรอ่ะ? ไม่เห็นรู้จักเลยอ่ะ?
แต่รับรองค่ะว่า ถ้าให้ดูรูป ทุกคน "อ๋ออออออ" แน่นอน
แต่แต๊นนนน
(หน้าเละนิดนึง เนื่องจาก อันนี้ทำครั้งแรกค่ะ)
ว่าด้วยเค้กโอเปร่า มีหลายรูปแบบเหลือเกิ้น จะเป็นโดม จะเป็นชิ้น เป็นได้ในทุกรูปแบบ แต่ทุกรูป ยังไง๊ ยังไง ก็ต้องประกอบด้วยส่วนประกอบหลักดังนี้ Joconde biscuit, chocolate ganache, coffee buttercream, coffee syrup, chocolate glaze และอาจจะมีทองคำเปลวตกแต่งหน้าอีกนิดโหน่ย
เรามาดูแต่ละชั้นกันดีกว่า ว่ามันคืออะไร
1. Joconde biscuit บิสกิต? อ่ะ ม่ายช่ายยยย ตอนแรกก็เข้าใจว่าแบบนั้นเหมือนกันค่ะ แต่เนื่องจากเชฟ เป็นคนฝรั่งเศส เค้าเลยอ่านว่า "โจคองด์ บิสกวี" (พยายามสะกดเป็นไทยให้ได้ดีที่สุดแล้วค่ะ) เป็นเนื้อคล้าย ๆ เค้กเนื้อสปันจ์ (เนื้อฟองน้ำ, เนื้อนิ่ม) แต่เป็นเค้กเนื้ออัลมอนด์ค่ะ จะใช้ส่วนผสมแป้งในเค้กน้อย ไม่เน้นให้ส่วนผสมขึ้นฟูเนื่องจากต้องการทำให้เป็นแผ่นเรียบค่ะ เนื้อจะเป็นลักษณะพอเคี้ยวปุปจะรู้สึกเหมือน ทานถั่วอัลมอนเล็ก ๆๆๆๆๆๆ (อารมณ์มาการอง)
2. Chocolate ganache ไม่มีอะไรมากค่ะ มันคือ ชอคโกแลต ผสมครีมนั่นเอง
3. Coffee buttercream จะว่าด้วยบัตเตอร์ครีมมันก็เรื่องยาวอีกน่ะแหละ บัตเตอร์ครีมทำได้หลายแบบค่ะ ในคราวก่อนที่ปุ๋ยเขียนไป ก็เกี่ยวกับบัตเตอร์ครีม แต่อันนั้นจะเป็นบัตเตอร์ครีมแบบชนิดไม่มีไข่ (ที่บ่นว่าล้างยากกกกส์บรมนั่นแหละ) บัตเตอร์ครีมในสูตรโอเปร่านี้ จะเอาเฉพาะ "ไข่แดง" มาตีให้สีอ่อน แล้วค่อยใส่ ไซรัปที่อยู่ในขณะ soft ball stage (115-120c)* แล้วถึงจะนำเนยลงไปในส่วนผสมค่ะ แล้วไว้ว่ากันเรื่องบัตเตอร์ครีมแบบอื่น
4. Coffee syrup มันคือน้ำเชื่อมผสมกาแฟค่า
5. Chocolate glaze ชอคโกแลตเคลือบหน้าเค้ก
* = จะเขียนเรื่อง stage ของน้ำตาลไว้แยกอีกทีนะคะ
โดยส่วนตัวปุ๋ยแล้ว แค่นี้ก็อร่อยแล้วค่ะ แต่หลัง ๆ มานี่ ขอเหอะ ด้วยความที่เป็นคนชอบทาน "ฐาน" ชีสเค้กมากที่กรอบ ๆ เลยแต่จะเอาคุกกี้มาบดแล้วกด ๆ ก็ไม่ใช่ เลยทำเวเฟอร์ มารองข้างล่างโอเปร่าอีกทีค่ะ คำเดวฟินเฟร่ออออออว์
ประวัติของโอเปร่า พยายามหาหลายที่นะคะ แต่ไม่เจออะไรที่เป็นแน่นอนเลย แต่ตอนเรียน เชฟเล่าว่า ตอนนั้น ประธานาธิบดีของอเมริกา จะเยือนฝรั่งเศส และด้วยความที่ฝรั่งเศสขึ้นชื่อเรื่องขนม เลยคิดขนมชิ้นนี้ขึ้นมา เพื่อเสิร์ฟขณะดู "โอเปร่า" และด้วยความที่ตอนนั้นฝรั่งเศสต้องการกู้เงินจากอเมริกาเลยเอาใจพิเศษ แต่รู้มั้ยคะ อเมริตอบว่าอะไร........."ไม่"............... (เชฟเป็นคนอังกฤษ อาจจะมีการบิดเบือนเรื่องเล็กน้อย) โดยส่วนตัวแล้วคิดว่า มันน่าจะมีที่มามากกว่านี้ป่ะะะ แต่ก็เอาเถอะ มันอร่อยหนิหน่า
เหมาะสำหรับคนที่เลือกไม่ถูก ระหว่าง โอ้ย ฉันจะเอาเค้กกาแฟดี หรือ เค้กชอคโกแลตดีเนี่ย???
คุณได้ทั้งสองอย่างในเค้กชนิดนี้ค่ะ ชอบตรงที่ เวลาใช้ส้อมจิ้มเค้ก จิ้มเค้กจากด้านบน ลงไปถึงฐานปุป เอาเข้าปาก แล้วจะได้รสชาติทุกอย่างของตัวเค้กทั้งหมด โดยที่ไม่ต้องนั่งเลือก ว่าจะเอาตรงไหนดีน้ออ
ใครที่ยังไม่เคยลองทาน ไปหาลองทานกันได้นะคะ xoxo
(cr. รูปจากหนังสือคุณ Pierre Hermé)
Frankly, I really really really miss this place. this place we used to hang out during the break, after classes or even before classes, this place we used to gather into a big group and buy drinks for each others, got drunk and laughed out loud, this place we used to hang out til 10pm. i can remember every single details of this place... in this place. if i turn back and walk straight. it's british museum.... what so ever, still really really miss that time
No comments