เป็นการรีวิวเครื่องสำอางครั้งแรกของเราสินะ.....จริงๆก็ไม่หรอก เคยทำเมื่อนานมาแล้ว แต่เนื่องจากเป็นคนที่นิสัยแบบ โอ๋ยยย ขี้เกียจจจจจง่ะ!!! และตอนยังวัยเยาว์ (ก็ไม่ได้ถือว่าแก่นะตอนนี้) ติดคอมพิวเตอร์มากก อยู่ในท่าเดิม ๆ จน เป็นพังผืดที่บ่าสองข้าง ทำให้ ปวดต้นคออยู่ตลอดเวลา เปรียบเสมือน หนังเรื่องชัตเตอร์ หนักเหมือนมีใครมาขี่คอ..... เอ้อ เข้าเรื่องดีกว่าเนอะเรา
รูปหมู่
อาจจะมองไม่เห็นทุกตัว แต่เดี๋ยวจะมีรูปแยกให้ดู จะไม่ขอรีวิวแยกเป็นประเภทนะคะ เพราะหนูสับสนค่ะ เดี๋ยวตัวนั้น กึ่งๆ เป็นตัวนี้ เดี๋ยวอันนี้ เป็นอันนั้น เลยจะขอรีวิวแบบ เรียงลำดับตามใจฉันค่ะ
หมายเหตุ
* ของที่รีวิวเป็นทรัพย์สมบัติของปุ๋ยเองทั้งหมด ได้มาด้วยความหน้ามืด (ไม่ควรเอาอย่าง)
* ปุ๋ยมีสภาพผิวผสม ที่ค่อนไปทางแห้ง แต่จะมันนิดหน่อยช่วงจมูกเท่านั้น มันไม่ใช่ T-zone อะ มันแค่จมูก 5555555
* โดยนิสัยแล้วเป็นคนที่ไม่ค่อยเติมแป้ง มาสคาร่า บลัชออน หรือสิ่งใด ๆ นอกจาก ลิประหว่างวัน จะเติมก็คือน้อยมาก ๆ หรือนาน ๆ ทีนึง แต่ลิป ต้องพกค่ะ
* การรีวิวนี้เป็นเหมือนแค่ความคิดเห็นส่วนตัวของปุ๋ยนะคะ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ อาจจะมีผลลัพธ์ที่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน ก็เหมือนอาหาร หนึ่งมือ พันชิม ใครจะว่าอร่อยได้ทั้งหมดล่ะจริงม่ะ?* ไม่ใส่เครดิตที่รูปนะคะ ใครอยากเซฟ ทำได้เลยค่ะ แต่ถ้าเอาไปเพื่อการค้าขายล่ะก็... ขอแบ่งเปอร์เซ็นต์ก็ดีนะ แหะ ๆ
* สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับของรีวิว อยู่ในบล้อคปุ๋ยค่ะ puiroza.blogspot.com
* ผิดพลาดประการใด ขออภัยล่วงหน้าค่ะ
Ok..... Let's start!!!
ขอรีวิวไปทีละ ห้าตัวนะคะ เพราะทั้งหมดมี 21 รายการ จะแยกเป็น 5, 5, 5, 5, 6 เริ่มแรก..
((ไม่ต้องชมกันค่ะ รู้ตัว ขอบคุณนะคะ... ^^" แขนใหญ่ใช่มั้ยคะ 555555))
จากซ้ายไปขวา ที่แขนปุ๋ย
1. Giorgio Armani luminessence bb fluid SPF50/PA+++ จากรูปจะเห็นได้ว่า มันเนียนไปกับผิวเลย ให้ความสว่าง ทำให้หน้าดูไบร้ท์ขึ้น แต่ไม่ช่วยปกปิด ปุ๋ยมักจะชอบใช้ตัวนี้เดี่ยว ๆ หรือ ทาเป็นเบสแล้วทับด้วยตัวอื่นค่ะ เหมาะสำหรับวันที่ เบา เบา.... ไม่อยากหน้าหนัก แต่ถ้าใครที่ชอบ หน้าแน่น จัดเต็มตลอดเวย์ ก็ ไม่แนะนำตัวนี้ค่ะ
2. MAC Prep+Prime fortified skin enhancer SPF35/PA+++ (Pink) อยากจะใช้เดี่ยว ๆ เพื่อเป็นเบส ก็...ก็... พอได้ค่ะ แต่หน้าคงเด่นลอย ตั้งแต่ 200 เมตรจากคนที่มอง แต่ถ้าใช้เป็นเบสไฮไลท์ตามโหนกแก้ม สันจมูก หน้าผาก ก็จะดูเวิร์คนะ ถ้าอยากทั้งหน้าแนะนำให้ผสมกับเบสตัวอื่น เพื่อทำให้หน้าสว่างขึ้น ส่วนตัวแล้วชอบ mix กับ mac strobe cream ค่ะ สีชมพูทำให้หน้าดูสว่างใส ไบร้ท์แบ๊วขึ้น เช่นเดียวกับเบสม่วง ส่วน เบสเขียวช่วยเรื่องปรับลดรอยแดง เนื้อครีมเนียนค่ะ
3. MAC studio moisture tint SPF15 - Light จากรูปจะเห็นได้ว่า มันเนียนไปกับผิวเช่นเดียวกับตัวแรก ไม่ได้ให้การปกปิด เพราะมันเหมือนไม่ได้ทาอะไรเลยนั่นเอง!! เพียงแต่ปรับสภาพผิวให้ดูเนียนขึ้น ไบร้ท์ขึ้น เทคนิคส่วนตัว สำหรับเวลาใช้ตัวนี้คือ แต้มบนหน้า แล้วลูบให้น้อยที่สุด (เพราะโดยปกติที่เคยเห็น จะถูวนๆ) แต่เนื่องจากเคยลองถูวนๆ แล้วพบว่า มันหายไปเลย หายไปไหนไม่รู้ เนื้อครีม อันตรธานหายไป อย่างไร้ร่องรอย หน้าก็สภาพเดิม ...ซะงั้น อีกเทคนิคนึงคือ ตบเบาๆ ให้ทั่วหน้าค่ะ
To be continued...... ปวดคออออออ
..
.
.
มาแระ (อีกหนึ่งวันถัดไป)
4. MAC Strobe cream จริงๆอันนี้กึ่งมอยซ์เจอร์ กึ่งเบสนะ แต่ค่อนไปทางม้อยซ์เจอร์ซะมากกว่า เพราะนอกจากจะให้ความชุ่มชื่นแล้ว ยังให้หน้าดูโกล์วๆ อีกด้วย ส่วนกลิ่น.. มันก็หอมนะ แต่ว่า ส่วนตัวแล้วคิดว่าแรงไปหน่อย เพราะได้กลิ่นอยู่ที่หน้าทั้งงวันเลย แต่ก็ชอบใช้นะ ไว้ทาในวันที่อยากจะสบาย ๆ คู่กับ studio moisture tint SPF15 (หมายเลข 3)
5. Etude Precious mineral BB all day strong - SPF30/PA++ ชื่อนางจริงๆ ก็ว่าเป็น บีบีนะ แต่ว่า คุณภาพเริ่ดกว่า บีบี ทั่วไปสมชื่อเลยว่า all day strong!!! เพราะเธอทนมากกกค่ะ แต่ถามว่า คุมมันไหม? ต้องกล่าวก่อนว่า ตัวนี้ปุ๋ยจะใช้ผสมคู่กับ Nymph aura (Etude) ที่ออกมาคู่กัน เพื่อให้ดูผิวฉ่ำ ๆ วาว ๆ เพราะฉะนั้น.... เรื่องคุมมัน ก็ตามนั้นนะคะ อยากจะได้งานผิวแต่ว่าจะเอาโกล์วแบบไม่มันทั้งวัน มันเป็นไปไม่ได้!!! (มันเป็นความจริงอันน่าเจ็บปวดค่ะ แต่ต้องยอมรับว่ามันจริงง!!) ตอนนี้รู้สึกทางอีทูดี้จะเปลี่ยนแพคเกจใหม่เป็นประมาณ Princess... อะไรซักอย่าง แต่ยังคงคอนเซปเดิมคือ มีคำว่า "จินจู" ภาษาเกาหลีซึ่งแปลว่า "ไข่มุก" ค่ะ
จบ Part I ... continue in Part II...
จากซ้ายไปขวาเช่นเดิมนะคะ
6. Etude face conditioning cream -SPF25/PA++ ยอมรับค่ะ ว่าซื้อมาแล้ว ได้ใช้แค่ครั้งเดียว... เพราะเนื้อมันข้นมาก ถ้าอยากใช้ต้องผสมกับตัวอื่นให้เนื้อเบาลงเช่น mac strobe cream or etude choux base หรือ ตัวอื่นๆ ที่อยากจะทา เหมาะกับคนที่มีผิวแห้ง แต่งหน้าแล้วชอบเป็นขุยๆ ค่ะ
7. Laura Mercier foundation primer (oil free) โดยส่วนตัวแล้ว ตัวนี้ใช้แล้วเหมือนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น เพราะมันเฉยมาก ไม่ได้รู้สึกว่าใช้แล้วพิเศษอะไร ไม่ได้คุมมัน ไม่ได้ทำให้หน้าดูโกล์ว หรือว่าดูใสขึ้นแต่อย่างใด ส่วนกลิ่น อืมม.. แปลกๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าถึงขั้นฉุนค่ะ
8. Chanel Les beiges all-in-one healthy glow cream SPF30/PA+++ No.10 ที่เห็นได้ชัดตั้งแต่การปาดครั้งแรกคือ หน้าใส สว่างขึ้น อย่างชัดเจน แต่ติดที่ว่า ต้องลงให้ไวค่ะ เพราะเนื้อครีมแห้งไวมาก สังเกตได้จากแขนปุ๋ย อันกลาง พอปาดปุ้ปป เนื้อดูเนียนไปกับแขนเลย คือมันแห้งไวมากค่ะ ผิดกับเพื่อนข้าง ๆ ซึ่งยังดู พอเกลี่ยได้อยู่บ้าง ตัวนี้ติดทนนาน แต่ไม่ได้คุมมันมาก หรือให้การปกปิดที่ชัดเจนอย่างใด แต่เรื่องปกปิด เราก็ยกให้เป็นหน้าที่ของ concealer เถิด..
9. Etude Choux base SPF25/PA++ No.2 Berry choux หน้าที่เหมือน MAC Prep+Prime ข้างต้นที่รีวิวเอาไว้ แต่เนื้อครีมแตกต่างกัน ตัวนี้ เนื้อจะมีเกล็ด ๆ (????? มันคืออะไร ใครช่วยบอก!!!) หรือว่าเนื้อครีมไม่ละเอียดนั่นเอง
10. Etude Nymph aura no.2 ปุ๋ยไม่แน่ใจ ว่าตัวนี้ยังมีขายอยู่รึเปล่า ว่าแล้วเช็คแปป..... โอ้วไม่นะ ในเวปไซต์ของเกาหลี ไม่มีขายแล้วค่ะ แสดงว่า product discontinued.... เป็นที่น่าเสียดาย แต่ว่าเราหาตัวอื่นมาแทนกันได้ ไม่มีปัญหา คือตัวนี้ ทาเดี่ยวๆ ก็เป็นไฮไลท์ได้เลยทีเดียว แต่ถ้าใช้ผสมกับตัว Precious mineral bb ข้างต้นแล้ว... พบว่า โกล์วเฟร่ออออออ (โกล์วเว่อร์) ได้ลุคดิวอี้ เกาหลีสมใจค่ะ
อันนี้น่าจะเรียกจากล่างขึ้นบนมากกว่า ซ้ายไปขวาเนอะ ^^
11. Nars Illuminator - Copacabana เป็นไฮไลท์เนื้อครีมที่เลิศเลอมาก เธอวิ้งวับได้สมใจจริง ๆ (ตัวนี้แหละ สามารถใช้แทน etude ข้างต้นได้ แต่ว่า คงต้องเบามือกันหน่อย เพราะอันนี้ ชิมเมอร์ถี่กว่ามาก สังเกตได้จากแขนปุ๋ยนะคะ นี่ขนาดไม่ได้ ขยับไปขยับมา เอาเป็นว่าเกทนะ... LOVE IT!!
12. Lancôme Éclat miracle universal radiance booster ก็เป็นไฮไลท์อีกตัวนึง แต่แค่ เบา เบา เปรียบเทียบได้จากแขนปุ๋ย กับ ตัวnars ข้างซ้าย ก็เหมาะสำหรับไฮไลท์กลางวัน ไปทำงาน ไม่ได้อยากวิ้งวับมากกก เอาแบบเงาๆ พองาม
13. Dior Air flash spray foundation No.200 (รูปขวดอยู่รูปถัดไป) โอ้วคุณเธอ มันเป็นรองพื้นที่คิดว่า ไม่เคยเสียใจที่ซื้อมาเลย เพราะนอกจากมันจะสะดวกแล้ว มันให้ความปกปิดที่ เนียนมากก (Medium Coverage) และสามารถพ่นทับเพิ่มได้ ถ้ายังไม่พอใจ (Buildable) สีที่ปุ๋ยซื้อมานี่ เป็นสีแบบอมชมพูด้วย เลยชอบมากเป็นพิเศษค่า เหมาะมากสำหรับคนที่ "เร่งรีบ" ไม่ว่าจะเป็น อุ่ยย นาฬิกาปลุกไม่ดังอ่ะ (แต่เปล่า จริงๆอ่ะ มันปลุกแล้ว แต่เป็นคนกดทิ้งไปเองแบบไม่รู้ตัว...) คือแค่ พ่น พ่น เกลี่ย ๆ เป็นอันเสร็จพิธี ตอนพ่นก็ อย่าลืมเม้มปากค่ะ เพราะไม่งั้น ท่านจะได้ lip concealer แถมไปด้วย
หลายคนถามว่า เอ้า และผมข้างๆ หน้าล่ะ พ่นแล้วรองพื้นไม่ติดเหรอ คำตอบคือ ไม่เป็นค่ะ ไม่รู้ทำไม แต่มันไม่เป็นค่ะ แต่โดยเทคนิคส่วนตัวแล้ว จะพ่นกลางหน้า เกลี่ย เสร็จแล้ว พ่นลงมือ แล้วค่อยจากมือ แตะลงที่หน้าค่ะ
14. MAC face and body foundation - C2 (รูปขวดอยู่รูปถัดไป) **MY FAVOURITE** เป็นรองพื้นที่เวลาไม่รู้จะใช้อันไหนดี ก็อันนี้แหละ หยิบมาใช้ เพราะเนื่องด้วยเนื้อที่เกลี่ยง่าย จริง ๆ แล้วอย่าใช้คำว่า"เกลี่ย" จะดีกว่า เพราะ ปุ๋ยใช้ "ตบ" เอาค่าาา ดัง แปะ ๆ ๆ ๆ (ได้เทคนิคนี้มาจาก คุณ Mary Greenwell เมคอัพอาร์ตติสระดับโลก นางพูดว่ารองพื้นอันนี้คือ the best foundation และใครอยากดูเทคนิคการตบรองพื้นของนาง สามารถหาดูได้ในยูทูปนะคะ)
ปล. นางตบแบบ หัวนางแบบ เอนไปข้างซ้ายที ขวาที คือเป็นวิธีการลงรองพื้นที่ ฮาร์ดคอร์ที่สุดที่เคยเจอ 5555
(Review อันนี้ ใช้เวลาคาบผ่าน สามวันในการเขียน เหนื่อยจริงไรจริงค่ะ แต่ชอบบ)
15. Chanel vitalumiere satin smoothing SPF15 No.20 Clair (รูปขวดอยู่ในรูปถัดไป) เป็นรองพื้นที่ไม่แนะนำสำหรับคนผิวหน้ามัน เพราะ finishing มันจะแนวออก ซาติน คือ ไม่ด้านซะทีเดียว ก็เงาบ้างเล็กน้อย คือผิวจะดูฉ่ำ ๆ ส่วนตัวแล้วไม่ชอบใช้ แต่ไม่ใช่เพราะมันไม่ดีนะคะ คนขาย แนะนำสีนี้ แต่สีมันเข้มกว่าผิวหน้าปุ๋ยไปอ่ะ ทาแล้วหน้าดรอป แต่แก้ปัญหาได้ด้วยเอารองพื้นสีที่ขาวกว่า มาผสมกันค่ะ ก็ต้องโทษตัวเองด้วย ที่สะเพร่าเอง คนขายบอกอันนี้ก็อันนี้ เพราะด้วยความหน้ามืด (ตอนนั้นอยู่ลอนดอนนะ เดินผ่านแล้วเห็นว่า หึยย ซะหน่อย...เพราะฉะนั้น "มีสตินะคะ")
16. Estee Lauder invisible fluis makeup #1CN1 เป็นรองพื้นที่เรียกว่า Light to medium coverage คือปกปิดได้ พอสมควรเลยแล้วมัน buildable ได้ด้วย คือประมาณว่าไม่พอใจว่าปกปิดไม่พอ ก็เพิ่มทับลงไปอีกได้ คุมมันได้ สามชั่วโมงเช้า 555555 แต่โดยรวม ดีค่ะ แต่ก่อนใช้ คงต้องออกกำลังกายแขนกันซักพัก (อาจจะเพราะด้วยความที่ไม่ค่อยได้ใช้ด้วย) เขย่ากันไป.....
17. Giorgio Armani luminous silk foundation #2 เลิศนะ คุมมันดี อะไรดีจริงดีจังอ่ะ (ยกเว้นราคา) เหมาะสำหรับคนผิวมันเพราะเวลาเซตตัวแล้ว เนื้อจะแมต แห้งไว แต่เกลี่ยไม่ยากมาก ก็พอได้ แต่ส่วนตัวแล้วชอบใช้ ตัวนี้ คู่กับ etude precious mineral bb เนื่องจากตัวนี้ เนื้อมันแมท เกินไปหน่อย เป็นความชอบส่วนตัวค่ะ
18. Make up forever HD foundation #N110 ติดทนนานเว่อร์ หลาย ๆ คนคิดว่า รองพื้นตัวนี้ปกปิดได้ทุกรูขุมขน แต่จริง ๆ เขาเป็นรองพื้นชนิด medium coverage นะคะ ไม่ถึงกับ full คือปกปิดได้ดี และปลอดภัยเวลาเข้ากล้องแบบ high-def 555555555 คุมมันได้ดีค่ะ ถือว่าเป็นรองพื้นที่จะหยิบมาใช้เวลาออกงานก็ว่าได้
20. Bobbi Brown BB SPF35/PA+++ #Light ซื้อมาเป็นแบบขนาดทดลอง เนื่องจากเริ่ม "สำเหนียก" ตัวเองได้ว่า ควร "พอ" เลยซื้อแบบ เบา ๆ มาแทนละกัน และผลลัพธ์ก็เป็นที่น่าพอใจนะคะ ทนทั้งวัน ทาแล้วหน้าดูไบร้ท์ขึ้น มีหน้ามันบ้างนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้มากมาย (อันนี้อาจจะเป็นเพราะ สภาพผิวของแต่ละคนด้วยนะคะ)
21. Laura Mercier tinted moisturiser crème compact - nude เนื่องจากสมัยเรียนมหาลัยติดใจกับแบบ liquid แล้วหมดมานานแล้ว เลยหันเหไปลองยี่ห้ออื่นมามากมาย แต่สุดท้าย ตายรังนะคะ ถ้าวันไหนอยาก แค่ เบา ๆ แบบเล็กน้อย ขอยกให้ตัวนี้เลยค่ะ
เสร็จซักทีสินะ 21 ตัว และอยากฝากอะไรไว้ค่ะ....
"หน้าก็มีอยู่หน้าเดียว กลมๆ เนี่ย จะใช้ไปทำไม รองพื้นเป็น สิบ ๆ ขวดเนี่ย!!!! มันจำเป็นมั้ย??????"
ก่อนซื้อ ถามตัวเองด้วยคำถามนี้นะคะ ปุ๋ยคิดว่า ถ้าก่อนหน้านี้ปุ๋ยถามตัวเองก่อนหน้านี้ คงไม่ได้มีล้นขนาดนี้ (อันนี้ยังไม่รวมกะที่ ขุ่นแม่ เอาไปใช้แล้ว)
จริง ๆ แล้ว รองพื้น หาที่เหมาะกับตัวเองไว้แค่ตัวหรือสองตัวก็พอค่ะ และถ้าอยากจะทำลุคไหน ก็ค่อย adapt เอาได้ ไม่จำเป็นถึงต้องขนาดกับเปลี่ยนรองพื้นเลย เปลืองค่ะ....
สุดท้าย
three words, eight letters.... and i'm yours... เอ้ย ไม่ใช่!!!
two words, five letters... "มีสติ"
สวัสดี
No comments