ทำอย่างไรให้ แคคตัส หรือ กระบองเพชร ออกดอก ?
เหมือนจะเป็นปัญหาระดับชาติ ของคนที่เลี้ยงกระบองเพชร ไม่ว่าจะใหม่หรือเก่า
จริงๆ มันก็เป็นปัญหาสำหรับปุ๋ยเหมือนกันนั่นแหละ
อ้าว..เห้ย!! แล้วจะเขียนบทความนี้ ทำไมฟระ??
ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นปัญหาขนาดนั้นนน แหม่...
เกริ่นก่อนเลย แคคตัส จะออกดอกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความพร้อมของต้นเป็นหลัก พร้อมทั้งปัจจัยไม่กี่อย่าง ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ (ดูยิ่งใหญ่มะ) 55555555555555
สี่อย่างนี้ เป็นปัจจัยเสริมซึ่งกันและกัน (ยิ่งพิมพ์ยิ่งคิดถึง การฝึกวิทยายุทธในหนังจีน = =") พอเสริมซึ่งกันและกัน จะทำให้แคคตัส มีความ "พร้อม" ที่จะออกดอก นั่นเอง
ดิน : สภาพดินของแคคตัสที่เหมาะสมที่สุดคือ ดินที่โปร่ง โล่ง ไม่อุ้มน้ำ เคยถามผู้เชี่ยวชาญแล้ว เค้าบอกว่า ยิ่งโปร่งก็ยิ่งดี ไม่มีปัญหาอะไร ยกเว้นรดน้ำบ่อยหน่อยเท่านั้นเอง ส่วนการผสมดินแล้ว ปุ๋ยไม่มีสัดส่วนตายตัว แค่กะๆ เอาว่ามันดูโปร่งๆ ก็โอเค ส่วนเรื่องการผสมดิน จะกล่าวในโพสต์ถัดไป
น้ำ : การรดน้ำ ส่วนใหญ่เราจะได้ยินคนขายบอกอยู่เสมอ ๆ ว่า "อาทิตย์ละครั้ง" แต่จริงๆ มัน ไม่ใช่!!! มันไม่ถูกซะทีเดียว คือจะหลักๆ อาทิตย์ละครั้ง ก็ได้.... แต่ว่า อย่างช่วงนี้ ฝนตกกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์มาก ทุกเย็น ก็ไม่ควรจะรดน้ำไง เพราะว่า ในอากาศมีความชื้นอยู่ หรือ ช่วงหน้าร้อน หน้าหนาว ก็ควรรดน้ำบ่อยขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้น ควรขึ้นอยู่กับสภาพดิน ควรเช็คดินก่อนทุกครั้งก่อนรดน้ำ ดินต้องแห้ง ถึงจะรดได้ ถ้ารดซ้ำตอนดินยังชื้นอยู่ แคคตัสมีโอกาสเน่า
ปุ๋ยพูดอยู่เสมอกับคนรู้จักว่า ปล่อยให้แห้ง ดีกว่าเน่า เพราะแห้งมันยังไม่ตาย แต่เน่าคือกลับบ้านเก่าอย่างเดียว แล้วอะไรคือแห้ง... มาดูวิธีเช็คดินกัน
วิธีเช็คดินก่อนรดน้ำ มีอยู่สองสามวิธี
1. เช็คความหนักของกระถาง - วิธีนี้คงต้องอาศัยความเคยชินของกระถางกันหน่อย ว่าถือขึ้นมาแล้วรู้สึกหนักๆ หรือเบาๆ แต่วิธีนี้ก็ไม่ชัวร์เช่นเดียวกัน เพราะบางที ดินรอบๆ แห้งแล้ว แต่ดินที่รากเกาะกันเป็นก้อน มันยังไม่แห้ง
2. ใช้ไม้จิ้มฟัน หรือตะเกียบไม้ - ใช้ไม้จิ้มฟันอาจจะดีกว่า เพราะไม้เล็ก ถ้าตะเกียบแทงลงดินลงไป รากอาจจะเสียหายได้ สรุปคือ ใช้ไม้จิ้มลงในดิน โดยเอียงๆ ไปทางโคนต้นเล็กน้อย แต่ว่าระวังแทงโดนรากแก้วล่ะ จิ้มลงดินแล้วดึงออกมาดู ว่าไม้ชื้นๆ หรือมีดินเกาะหรือไม่ ถ้ายังมีแสดงว่าชื้นอยู่ ถ้าแห้ง เราจะจับไม้จิ้มฟันแล้วจะรู้เลยว่า มันแห้งเลย
มือใหม่หัดเลี้ยง อาจจะเจอไม้เน่า เมื่อเลี้ยงไปซักพัก ละเกิดอาการอกหัก TT
แต่ไม่ต้องเสียใจไป สำหรับคนเลี้ยงเป็นสวนใหญ่ๆ ไม้เน่าคือเรื่องปกติ 55555555555555555
แต่ถ้าต้นนั้น มีราคาค่างวดสูงซักหน่อย ก็คงเป็นอาการเดียวกันนั่นแหละ...
ลม : ลมนี่ขอกล่าวถึงเป็น "สภาพอากาศ" แล้วกัน อย่างที่พูดไปในหัวข้อ "น้ำ" ว่าสภาพอากาศ เกี่ยวเนื่องกับ รอบรดน้ำ เพราะเป็นตัวทำให้น้ำระเหยออกจากกระถาง ส่วนสภาพโรงเรือน ควรมีความโปร่ง โล่ง (แต่ก็มีบางคนทำโรงเรือนเป็นโรงอบ ซึ่งปุ๋ยไม่ค่อยแนะนำสำหรับมือใหม่เท่าไหร่ เพราะ แคคตัสอาจถูก "ปรุงสุก" ได้)
สำหรับคนที่เลี้ยงไม่กี่ต้น อาจจะวางอยู่ระเบียง ซึ่ง"ควร" ได้รับแสงแดดช่วงเช้า พอครึ่งบ่าย ไม่ควรโดดแสงแดดโดยตรง เพราะอาจจะทำให้แคคตัสผิวไหม้ได้
สำหรับคนที่เลี้ยงหลายต้นแล้ว อยากจะมีโรงเรือนเล็ก ก็สามารถซื้อมาตั้งได้ แต่พอมีโรงเรือนแล้ว ควรตั้งอยู่กลางแดด และต้องพรางแสลนกันแสง อย่างน้อย 50% เพื่อป้องกันการไหม้ของผิวแคคตัส และทำให้แคคตัสเกิดอาการขาดน้ำ
ไฟ : จุดไฟเผาไปเล้ยยยยยย!!!!
เห๊ยยยย เดี๋ยววว ไม่ใช่!!!
ไฟในที่นี้ ปุ๋ยหมายถึง แสงแดด หรือพระอาทิตย์น่ะ สืบเนื่องมาจากหัวข้อด้านบนทั้งหลาย แสงแดด มีความเก่ียวข้องกับต้นไม้โดยตรง ไม่มีแสง ต้นไม้ไม่สามารถสังเคราะห์แสงเป็นอาหารได้ = ตาย
แต่มากเกินไป ก็เกิดอาการไหม้ หรืออาการขาดน้ำ โคนยุบ กลายเป็นต้นไม่สวยอีก ปุ๋ยก็ขายไม่ได้ราคา 555555555
แคคตัสควรโดนแดดทั้งวัน และลดสัดส่วนความแรงของแดด โดยการพรางแสลน 50% หรือมากกว่าได้นิดหน่อย ขึ้นอยู่กับแสงแดดในสถานที่วาง
เมื่อแคคตัสได้รับแสงแดดที่เหมาะสม และการเลี้ยงดูที่ถูกต้อง ก็ไม่ยาก ที่นางจะออกดอกสวยๆ มาให้คนเลี้ยงได้ชื่นชม ชื่นใจ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอายุของต้นด้วย ไม่ใช่ว่า ต้นมีอายุ หนึ่งปี ก็จะให้ออกดอกซะแล้ว มันไม่ด้ายยยยยยย
โดยเฉลี่ยแล้ว แอสโตรไฟตัม พันธุ์ที่ปุ๋ยชอบเลี้ยง มักจะเริ่มออกดอกในปีที่ 3
ปุ๋ยพูดเป็นโดยเฉลี่ยนะ อาจจะมากกว่า หรือน้อยกว่าก็เป็นได้
ปัจจัยสำคัญหลักๆ ได้พูดไปแล้ว แต่ว่า ยังไม่ได้พูดถึง ปัจจัยที่สำคัญที่สุด นั่นก็คือ
ความรัก และการเอาใจใส่ นั่นเอง
ถ้าขาดความรัก ก็จะขาดความเอาใจใส่ และปัจจัยทุกสิ่ง รายละเอียดเล็กน้อย ก็จะไม่เกิดขึ้นนะจ๊ะ
//รักทุกคน
เอาใจช่วย
มีปัญหาอันใด ถามได้นะจ๊ะ ยินดีตอบจ้าาา
No comments